แบตเตอรี่เป็นแหล่งจ่ายพลังงานหลักในกรณีที่เครื่องยนต์ไม่ได้ทำงาน ดังนั้นเราจึงควรตรวจเช็คแบตเตอรี่ก่อนออกเดินทางไกลทุกครั้ง
- เช็คอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ที่อายุไม่ถึงปี จะมีโอกาศเสื่อมน้อย แต่ถ้าระยะเกินปีไปแล้วควรตรวจเช็คสภาพอย่างสม่ำเสมอ
- เช็คสภาพแบตเตอรี่เบื้องต้น ทั้งตัวแบตฯ หรือ ฝากจุกแบตเตอรี่ ว่าอยู่ในสภาพปกติหรือไม่
แบตเตอรี่แต่ละประเภทจะมีวิธีการเช็คแบตเตอรี่ ที่ต่างกัน หากเป็นแบตเตอรี่น้ำ ดูตรงระดับหน้ำกลั่น ตรงขีด Lower หรือ Upper แต่หากเป็นแบตเตอรี่ประเภท SMF หรือ MF จะสามารถดูได้จากตาแมวแบตเตอรี่
1. แบตเตอรี่ SMF (Sealed Maintenance Free)

แบตเตอรี่ SMF (Sealed Maintenance Free) หรือแบตเตอรี่แบบปิดสนิทไม่ต้องเติมน้ำกลั่น
- ตาแมวมีไว้สำหรับเช็คสถานะของแบตเตอรี่
- สถานะตาแมว
- สีเขียว = แบตเตอรี่มีไฟปกติ
- สีดำ = ไฟอ่อน ต้องทำการรีชาร์จไฟ
- สีขาว = น้ำกลั่นแห้ง เกิดจากแบตเตอรี่ถูกovercharge เช่น ถูกไดชาร์จรถยนต์ overcharge หรือ ถูกเครื่องชาร์จ overcharge เป็นเวลานานๆ
2. แบตเตอรี่กึ่งแห้ง หรือ MF (Maintenance Free Battery)

- ดูตาแมวเพื่อเช็คน้ำกลั่นทุก 3-4 เดือน หรือ 25,000 – 30,000 กิโลเมตร
- สถานะตาแมว
- สีเขียว = แบตเตอรี่มีไฟปกติ
- สีขาว = ไฟอ่อน ต้องทำการรีชาร์จไฟ
- สีแดง = น้ำกลั่นแห้ง ควรเติมน้ำกลั่นทันที
วิธีการเติมน้ำกลั่น ลองสติกเกอร์ที่ปิดทับฝา และใช้เหรียญไขฝาเพื่อเปิดเติมน้ำกลั่น ควรเติมให้น้ำกลั่นอยู่ในระดับที่กำหนดของตัวแบตเตอรี่
3. แบตเตอรี่น้ำ

วิธีเช็คว่าควรเติมน้ำกลั่นหรือไม่ สังเกตุได้จากถ้าระดับน้ำกลั่น อยู่ตรงขีดล่าง (เส้น Lower) ควรทำการเติมน้ำกลั่นทันที
- แบตเตอรี่ใหม่ 3-4 เดือน เช็คหนึ่งครั้ง หรือ 10,000 -15,000 กิโลเมตร
- แบตเตอรี่ที่ใช้งานหนัก หรือใช้มาได้สักระยะหนึ่ง ควรตรวจเช็คทุกๆ เดือน หรือ 5,000 กิโลเมตร
การเติมน้ำกลั่นให้ระดับน้ำกลั่น อยู่ระหว่าเส้น Lower กับ Upper หากเติมน้ำกลั่นเกินเส้น upper เวลาใช้งานน้ำกรดจะเดือด ทำให้น้ำกรดค่อยๆ ล้นออกมา กัดสีรถ ตัวถังรถยนต์